อาการเสพติดเฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ กลายเป็นโรคอย่างเป็นทางการแล้ว โดยที่อังกฤษมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาปีละหลายร้อยคน







                  เจมิไน อดัมส์ นักเขียน และนักวาดภาพประกอบ สารภาพว่า เป็นคนหนึ่งที่ติดเฟซบุ๊ค เธอเชื่อว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ เพื่อค้นข้อมูลเขียนหนังสือ ตอนนี้เธอต้องพยายามควบคุมตัวเอง โดยพยายามใช้เฟซบุ๊คครั้งละไม่เกินครึ่งชั่วโมง และล้างพิษครั้งละสัปดาห์ ด้วยการหยุด 1 วันเต็ม รวมถึงเล่นหันมาฝึกโยคะเพื่อคลายเครียด 

                  ปัจจุบัน สาธารณสุขอังกฤษยอมรับแล้วว่า การติดสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ เป็นโรคเสพติดอย่างหนึ่ง ซึ่งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโกระบุว่า เป็นอาการเสพติดที่รุนแรงยิ่งกว่าติดบุหรี่หรือเหล้่า โดยถ้ามีคนกดปุ่มไลค์ หรือแชร์ ก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุขที่เรียกว่า โดปามีน และถ้าขาดสารดังกล่าว ก็จะกระตุ้นความรู้สึกอิจฉา และกระวนกระวายได้

                  จิตแพทย์เผยว่า ผู้ป่วยมีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ โดยอาการที่บ่งชี้ว่า เสพติดก็คือใช้เวลาอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์เกินวันละ 5 ชั่วโมง และพบว่า บางรายเป็นมากจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อย่างเช่น รับประทานอาหารและเข้านอนผิดเวลา และส่งผลให้เข้างานสาย หรือไปโรงเรียนสาย เป็นต้น 

สามารถดูคลิปข่าวได้ที่ Clip ครอบครัวข่าว 3

ข้อมูลเมื่อ วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 เวลา 08:01 น. 

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก...

สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Line, Instagram, Twitter และอื่นๆ อีกมากมาย กำลังเป็นที่นิยมในการสื่อสารไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารที่สะดวก รวดเร็ว และมีลูกเล่นมากมายช่วยสร้างสีสันให้การสื่อสารในปัจจุบันมีมิติมากขึ้น คนที่ใช้อย่างสร้างสรรค์ รู้จักควบคุมและใช้อย่างพอเหมาะ ก็จะสามารถหาประโยชน์ได้จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้นานับประการ... 

แต่ในทางตรงกันข้าม หากใช้สื่อสังคมออนไลน์มากเกินความพอดี จนส่งผลกระทบต่อการเรียน หน้าที่การงาน สภาพสังคมและสัมพันธภาพของบุคคลในชีวิตจริงแล้ว ย่อมก่อให้เกิดผลเสียได้มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการเรียน ปัญหาการทำงาน ปัญหาการเข้าสังคม รวมไปถึงปัญหาทางด้านสุขภาพ บางคนเล่นมาก กลายเป็นอาการติดสื่อสังคมออนไลน์ แต่ที่ร้ายกว่านั้น บางคนเล่นอย่างมาก และกลับกลายเป็นโรคที่พบดังกล่าว นั่นคือ "โรคเสพติดสื่อสังคมออนไลน์" ซึ่งเมื่อปล่อยจนเกิดปัญหาแน่นอนทีเดียวว่า การบำบัดรักษา นั้นย่อมยากขึ้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียว 

เราจะเริ่มควบคุมหรือจะปล่อยจนเกิดกลายเป็น "ผู้ที่มีปัญหาจากการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์" ก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองที่จะเป็นผู้เลือก...แต่หากเริ่มตระหนักว่าตนเองเริ่มเข้าข่าย ก็เริ่มหาทางแก้ไข ป้องกันซะ เริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ย่อมเป็นเรื่องดีดีที่เราควรทำเพื่อตัวเอง ใช่หรือไม่คะ??

และหากต้องการขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาทั้งเรื่องราวของการติดสื่อสังคมออนไลน์ การติดเกม การติดสื่อออนไลน์ต่างๆ สามารถปรึกษาได้กับทางเว็บไซต์ เราพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกคนค่ะ 

By...JaH_K..S ^^