โลกปัจจุบันเป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ทุก สิ่งทุกอย่างล้วนไปเร็วมาเร็วจนเราตามกันแทบไม่ทัน ยิ่งในเรื่องของการสื่อสารและเทคโนโลยีทั้งหลายด้วยแล้วยิ่งมีวิวัฒนาการใน การสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือระบบ 5G ทั้งๆที่เพิ่งเปิดตัวระบบ 4G ไป เมื่อไม่นานนี้เอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในเรื่องวัตถุต่างๆที่ไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ มักส่งผลให้ความคิด จิตใจ ค่านิยม รสนิยมและการดำเนินชีวิตของคนเปลี่ยนตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ค่านิยมและมาตรฐานในการอบรมเลี้ยงดูลูกของคุณพ่อคุณแม่ก็อาจ เปลี่ยนแปลงไป
เช่นว่าทุกวันนี้คุณพ่อคุณแม่มักจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกพกติดตัวตั้งแต่ อยู่ชั้นประถมต้นเพื่อเอาไว้ติดต่อสื่อสารกับลูกหรือแชทกันผ่าน application ต่างๆ เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน วิธีเหล่านี้ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ที่ทำให้พ่อแม่ลูกได้ สื่อสารกัน แต่ในครั้งนี้ผู้เขียนอยากนำเสนอถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีที่อาจดู เหมือนไม่ทันสมัยเพราะไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีต่างๆ แต่เป็นวิธีการเลี้ยงลูกที่ใช้ได้ผลดีในทุกยุคทุกสมัยแบบไม่ตกยุคหรือไม่มี ทางเอ๊าท์แน่นอน ด้วยวิธีการเลี้ยงลูกแบบ 4G ดังนี้
1.Good Environment การจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับลูกส่งผลสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของลูกทั้งทาง ด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ จิตใจและสติปัญญา ดังนั้น การที่ลูกได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปราศจากมลพิษทั้งในเรื่องของกลิ่นและเสียง จะทำให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรง สดใส มีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดี สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว มีสุขภาพจิตที่ดี มีอารมณ์แจ่มใสร่าเริงกว่าเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่สกปรกและแออัด
มีผลงานวิจัยหนึ่งสรุปออกมาว่า เด็กที่เติบโตมาจากสถานที่ ๆ มีเสียงดังอีกทึกอยู่ตลอดเวลาจะมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้ากว่าเด็กที่เติบโต ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ หากบ้านใดอยู่ในเขตที่มีมลพิษตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นอยู่บ้านตึกแถวติดถนนที่ไม่มีบริเวณ ก็ให้จัดและตกแต่งในบ้านให้สะอาด เรียบร้อย สวยงาม เพื่อที่อย่างน้อยลูกจะได้อยู่อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายในบ้านของเขา และหากมีโอกาสในวันหยุด คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูก ๆ ออกไปสัมผัสสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเช่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้านได้ก็จะเป็น ผลดีแก่ลูกมากทีเดียว
2.Good Communication การสื่อสารที่ดีระหว่างกันของคนในครอบครัวช่วยทำให้ครอบครัวมีความสุข เพราะการที่พ่อแม่พูดและแสดงออกในทางที่ดีต่อกันและกันและต่อลูกนั้นจะเสริม สร้างให้ลูกเป็นคนอารมณ์ดี มีความสุข และมีสุขภาพจิตที่ดี แม้คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกไว้ให้ติดต่อกันตลอดเวลาก็ ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่หากเจอหน้าลูกให้พูดคุยสื่อสารกับลูกทุกครั้ง เช่น ทักว่า
“ทำอะไรอยู่จ๊ะลูก”
“นิทานสนุกมั้ยลูก”
“ลูกพ่อน่ารักจัง”
เพื่อ ให้ลูกจะได้สัมผัสถึงสายใยความผูกพันที่พ่อแม่มีให้เขา เมื่อลูกได้ยินได้ฟังคำพูดที่ดี ๆ จากพ่อแม่ เสียงจะเดินทางผ่านไปสู่สมองและถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำที่ดีที่ช่วยสร้าง กำลังใจให้ลูกเกิดพฤติกรรมที่ดีตามคำพูดของพ่อแม่ ดัง นั้น พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงคำพูดในทางลบกับลูก เช่น เลวมาก แย่จริงๆ ไอ้โง่ ยายเซ่อ อีควาย และหลีกเลี่ยงการแสดงออกที่รุนแรงก้าวร้าวต่อลูกด้วยเช่นกัน เพราะคำพูดและการแสดงออกในทางลบของพ่อแม่จะส่งผลทำให้ลูกเกิดความเครียด ท้อถอยหมดกำลังใจ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวชอบรังแกผู้อื่น ซึ่งจะผลให้เด็กอาจมีพฤติกรรมที่เป็นภัยสังคมต่อไปได้
3.Good Moral หน้าที่หลักของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนคือการอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดี เช่นการสอนลูกให้เป็นคนเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว มีน้ำใจ รู้จักการแบ่งปันต่อผู้อื่น มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่นและสังคม มีจิตใจเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อสัตว์ ต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ควรให้ลูกได้ใกล้ชิดกับศาสนาที่ครอบครัวนับถือ ผู้ เขียนสังเกตว่าครอบครัวใดก็ตามที่มีความใกล้ชิดและเชื่อมั่นในหลักธรรมศาสนา ครอบครัวนั้นมักจะประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ดี เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวเช่นนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเป็นคนที่มี คุณธรรมจริยธรรมที่ดีด้วยเช่นกันนั่นเพราะเขาได้รับการปลูกฝังในหลักคำสอน ที่ดีงามมานั่นเอง
4.Good Example พ่อแม่ถือเป็นต้นฉบับสำหรับลูกเพราะเป็นบุคคลที่ลูกใกล้ชิดที่สุด ลูกจึงมักซึมซับเอาพฤติกรรมของพ่อแม่มาเป็นพฤติกรรมของตนเอง ดังนั้นหากอยากให้ลูกเป็นอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเป็นแบบนั้นให้ลูกได้เห็น เพราะการที่พ่อแม่สอนลูกด้วยปากแต่ขาดการกระทำที่เป็นแบบอย่างย่อมไม่เกิด ผลดีใด ๆ ต่อลูกเลย เช่น ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกพูดจาสุภาพ พ่อแม่ก็ควรพูดจาสุภาพให้ลูกได้เห็นเป็นตัวอย่าง หากพ่อแม่ยังเป็นคนพูดจาหยาบคายมึงมาพาโวย แน่นอนว่าลูกก็จะเลียนแบบพฤติกรรมนั้นเช่นกัน หรือถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนมีจิตใจที่เมตตากรุณาต่อผู้อื่น พ่อแม่ก็ต้องแสดงความเมตตากรุณาต่อผู้อื่นให้ลูกได้เห็น อย่างเช่นช่วยจูงคนชรา ช่วยคนถือกระเป๋าบนรถเมล์
สิ่งที่สำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมคือการแสดงพฤติกรรมที่ดีให้ เป็นแบบอย่างแก่ลูกนั้นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลูกจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่ต้องทำ พ่อแม่บางคนมีปัญหาคือรู้สึกตัวว่าตนเองไม่ดีพอที่จะเป็นแบบอย่างให้กับลูก ได้ เช่น คุณพ่อดื่มเหล้า กรณีเช่นนี้คุณพ่อไม่ต้องกังวลว่าตนเองทำไม่ดีก็ไม่กล้าไปสอนลูกให้ดี เพราะเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมมีด้านที่ดีอื่น ๆ ที่สามารถแสดงเป็นแบบอย่างแก่ลูกได้ เช่น คุณพ่ออาจเป็นคนที่ชอบดื่มเหล้า แต่สิ่งที่ดีที่คุณพ่อมีคือคุณพ่อเป็นคนขยันทำงาน ประดิษฐ์ข้าวของหรือซ่อมแซมของได้เก่งมาก และยังเป็นคนใจดีมีเมตตาชอบเลี้ยงสัตว์ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อดีที่คุณพ่อสามารถเป็นแบบอย่างให้ลูกได้
ส่วน สิ่งที่ไม่ดีอาจใช้การสอนให้ลูกเข้าใจ เช่น เพราะพ่อดื่มเหล้าพ่อถึงไม่สบายบ่อย หากลูกอยากแข็งแรงต้องดื่มนม เชื่อว่าถ้าได้สอนได้บอกกับลูก เขาก็จะสามารถเข้าใจได้เพราะเด็กทุกคนมีความฉลาดอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องชี้นำอย่างถูกต้องเท่านั้นเอง
ไม่ว่าต่อไปในอนาคตจะ มีเทคโนโลยีใหม่แค่ไหน จะเป็น 5G หรือ 10G หรือไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร การเลี้ยงลูกด้วยวิธี 4G นี้สามารถนำมาใช้เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นคนที่ดีและสมบูรณ์ทั้งกายใจอย่างได้ ผลและทันสมัยตลอดกาล